ทำไมบริษัทถึงยอมจ่ายเงิน Programmer แบบ Outsource สูงกว่าเงินเดือนพนักงานประจำ?

• Facebook
• Twitter
• Line

หลายคนอาจแปลกใจว่าทำไมหลาย ๆ บริษัทถึงยอมควักเงินก้อนโตจ้าง Programmer แบบ Outsource ราคาแพงหูฉี่ ทั้ง ๆ ที่ราคานี้สามารถจ้างเป็นพนักงานประจำก็ได้  ถ้าอยากรู้เหตุผลหรือเปล่า งั้นเราจะอธิบายให้ฟังเองว่าเพราะอะไร 

1. โครงสร้างเงินเดือน

หลาย ๆ บริษัทมักกำหนดเงินเดือนขั้นต่ำและเพดานสูงสุดเอาไว้ ซึ่งไม่สูงนักเพราะต้องแบ่งเงินส่วนหนึ่งเป็นสวัสดิการพนักงานด้วย หากต้องจ้างพนักงานใหม่ในตำแหน่งที่มีการแข่งขันสูงมาก ๆ และต้องการเสนอเงินเดือนสูง ๆ เพื่อดึงดูดใจ อาจทำให้พนักงานคนอื่น ๆ ไม่พอใจได้ เช่น ปกติบริษัทจ้างเด็กจบใหม่ 15,000 บาท แต่เงินเดือนสตาร์ตของ Programmer เริ่มตั้งแต่ 25,000 บาท ก็คงไม่มีใครอยากมาทำงานด้วยแน่ ๆ 

แต่หากบริษัทเสนอให้เป็น Outsource แทนก็สามารถจ่ายให้เงินเดือนสูงได้ เพราะไม่จำเป็นต้องมีสวัสดิการใด ๆ ให้ ไม่มีความมั่นคงให้ แถมพนักงานประจำในองค์กรก็ไม่รู้สึกแย่อีกด้วย  

2. ระยะเวลาการทำงาน

งาน IT เหมือนงานรับเหมาก่อนสร้าง เมื่อทำ Software เสร็จแล้วก็ไม่จำเป็นต้องทำอยู่ต่อ อาจมีการบำรุงดูแลบ้างนาน ๆ ที แต่ไม่จำเป็นต้องอยู่ประจำก็ได้ ดังนั้นบริษัทจึงเลือกจ้างเป็นโปรเจกต์เลยจะดีกว่า และแต่ละโปรเจกต์มักใช้เวลานานเหมือนการสร้างปราสาทหรือพระราชวังซึ่งอาจจะ 1-2 ปี และเมื่อจบโปรเจกต์ก็เป็นจังหวะที่ Programmer ได้เวลาออกไปหาประสบการณ์ใหม่ ๆ ด้วยพอดีด้วย 

เมื่อโปรเจกต์จบปุ๊บ ก็ต่างแยกย้ายกันไป บริษัทก็ไม่จำเป็นวุ่นวายเรื่องค่าใช้จ่าย Programmer ก็สามารถไปรับงานใหม่ได้ทันทีโดยไม่ต้องรอ 1 เดือนหลังยื่นใบลาออกด้วย เรียกว่าวินวินกันทั้งคู่เลยครับ

3. ผลประโยชน์ด้านภาษี

รู้หรือไม่ว่าการจ้าง Outsource สามารถหักเป็นรายจ่ายของบริษัทได้มากกว่าจ่ายเงินเดือนพนักงานประจำ เพราะสามารถทำรายจ่ายได้เป็น 2 เด้งคือ เป็นรายจ่ายของบริษัท และยังได้ภาษีซื้อและกับหักกับภาษีขายได้อีก ขณะที่บริษัทไม่สามารถหักภาษีซื้อกับพนักงานประจำได้  

4. คำนวณค่าใช้จ่ายได้ง่าย

เพราะค่าจ้างของ Outsource เป็นตัวเลขที่นิ่งแล้ว ไม่จำเป็นต้องห่วงเรื่องสวัสดิการ เงินประกัน กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ ค่าเดินทางไปทำงานนอกสถานที่ หรือค่าใช้จ่ายจิปาถะที่พนักงานประจำสามารถเบิกได้ แถมยังไม่มีการขึ้นเงินเดือนหรือโบนัสประจำปีด้วย 

ดังนั้นเมื่อต้องการคำนวณค่าใช้จ่ายโปรเจกต์ต่าง ๆ จึงทำได้ง่ายมาก เพียงแค่ใช้สูตรจำนวนคนที่ต้องการจ้างและระยะเวลาที่ต้องการ ก็จะได้งบประมาณที่ต้องใช้แล้ว ง่ายมากเลยใช่มั้ยครับ  

สำหรับใครมองหางานที่มีค่าจ้างสูง การทำงานแบบ Outsource อาจตอบโจทย์มาก ๆ แล้วค่อยนำเงินเหล่านั้นไปซื้อกองทุนเพื่อสร้างความมั่นคง หรือจะซื้อประกันชีวิตดี ๆ ให้ตัวเองก็ยังได้ ถือว่าทดแทนกันได้สมน้ำสมเนื้ออยู่ไม่น้อยนะครับ